วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หลอนคนใส่ท็อปบู๊ตเดินรอบเต็นท์


รูปภาพประกอบ : หลอนคนใส่ท็อปบู๊ตเดินรอบเต็นท์
เจ้าหน้าที่อุทยานชาวกะหร่าง เผยอาถรรพ์จุด ฮ.ตก เป็นหลุมทิ้งศพของแนวรบพม่า-กะเหรี่ยง-กะหร่าง บรรยากาศเงียบเหมือนป่าช้า ไม่มีคนและสัตว์กล้ำกลายเข้าไปโดยเด็ดขาด ขณะนอนเฝ้า 5 ศพที่เนิน 1100 ได้ยินเสียงคนใส่รองเท้าท็อปบู๊ตเดินวนรอบเต็นท์ และเห็นแสงไฟลูกโตพุ่งเข้าที่ศพที่เรียงรายกันอยู่...

หลังจากภารกิจ กู้ศพผู้เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ ตกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นำศพผู้เสียชีวิตทั้ง 17 ศพ ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และมีการปิดศูนย์บัญชาการค้นหากู้ภัยผู้ประสบภัย ซึ่งตั้งในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ทีมข่าวเฉพาะกิจภูมิภาค “ไทยรัฐ” รายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่าบรรยากาศที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้คืนสู่ภาวะปกติ มีเพียงเจ้าหน้าที่ประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขณะที่ชุดปฏิบัติงานค้นหาเหยื่อ ฮ.ตก ร่วมกันรับประทานอาหาร และจับกลุ่มพูดคุยถึงการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ก่อนจะแยกย้ายกันกลับหน่วยงานต้นสังกัด

ร.อ.สมเกียรติ ศุภวงศ์ หนึ่งในนักบินของกระทรวงทรัพย์ฯ ที่ขับ ฮ.มอลเล่ย์ หมายเลข ทส.-1114 ร่วมปฏิบัติภารกิจ เปิดเผยว่า ฐานเนิน 900 และฐานเนิน 1100 และจุดที่ ฮ.ตก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน เมื่อบินเข้าไปจะพบว่าสภาพภูมิอากาศเลวร้ายมาก โดยเฉพาะจุดที่ ฮ. ทั้ง 2 ลำตก มีเมฆหมอกปิดเกือบตลอดเวลา ช่วงหลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงตั้งใจจะบินเข้าไปดูจุดเกิดเหตุให้ชัดเจน เพื่อแจ้งให้ชุดเก็บกู้ทราบ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ลำพังแค่บินไปฐานเนิน 860 ที่บินมาตลอดก็เกือบเอาตัวไม่รอดหลายครั้ง ช่วงที่แบล็กฮอว์กตก ฮ.ของเรา 2 ลำก็บินตามไปด้วย ตนเห็นเมฆม้วนตัวเข้ามาปกคลุมแบบกะทันหัน รีบตีวงหันหัวกลับหนีเมฆ พร้อมแจ้งให้ “แบล็กฮอว์ก” ทราบ คาดว่าระหว่างที่แบล็คฮอว์ก กำลังจะดึงเครื่องให้สูงขึ้นเหนือเมฆเพื่อหาช่องว่างบนเพดานบินที่สูงกว่า ได้ถูกกระแสลมที่มีความรุนแรงตีม้วนกลับ ดูดเอาเครื่องร่วงลงสู่พื้นดินทันที

นักบินคนเดิม กล่าวต่อว่า การบินในแก่งกระจานนักบินต้องเข้าใจสภาพอากาศที่แท้จริง สำหรับทีมตนเองก็เกือบเอาตัวไม่รอดหลายครั้ง โดยเฉพาะเที่ยวบินไปส่งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ฐานเนิน 900 ระหว่างที่กำลังเตรียมลง ก็ถูกลมและกลุ่มเมฆตีม้วนเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนต้องรีบบินหนีออกไปตั้งตัวใหม่ กระทั่งสภาพอากาศเปิดก็รีบบินเข้าสู่ฐานเป้าหมายแล้วรีบบินออกทันที การบินในพื้นที่ลักษณะอากาศเช่นนี้ต้องปรับแผนการบินชนิดนาทีต่อนาที แต่ด้วยความเคยชินกับสภาพอากาศของผืนป่าแก่งกระจานทำให้เอาตัวรอดกันมาได้ และเป็นการปฏิบัติงานครั้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตตั้งแต่เป็นนักบินมา



ทาง ด้านนายโบลาลา มีมิ อายุ 26 ปี ชาวกะหร่าง ที่มาเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และอยู่ในชุดกู้ศพ เปิดเผยว่า ในพื้นที่ป่าทุกแห่ง หากใครจิตไม่แข็งพอ ก็จะเจอกับสิ่งเร้นลับอยู่เป็นประจำ สำหรับป่าแก่งกระจานที่ตนและบิดา ซึ่งเป็นพรานป่าสัมผัสมาตลอด ในส่วนของจุดที่เครื่องบินตกบริเวณนั้น เป็นแนวรบของพม่า-กะเหรี่ยง-กะหร่าง หากกองกำลังฝ่ายใดเสียชีวิต ศพจะถูกนำไปโยนไว้ในหลุมจุดที่ “ฮ.แบล็กฮอว์ก” ตก บริเวณนั้นจะเงียบเหมือนป่าช้าไม่มีคนและสัตว์กล้ำกลายเข้าไปโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ในช่วงนอนเฝ้าศพทหารทั้ง 5 นายอยู่บนเนิน 1100 นั้น ได้ยินเสียงคนใส่รองเท้าท็อปบู๊ตเดินวนรอบเต็นท์นอนของทุกคนนานพอสมควร แต่ไม่กล้าทักเพราะกลัวอาถรรพ์ของป่า และระหว่างที่กำลังจะนอน ทุกคนเห็นแสงไฟลูกโตพุ่งเข้ามาตรงจุดที่ศพทั้ง 5 วางเรียงกันอยู่ แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตรวจสอบดูก็ไม่พบอะไรเชื่อว่าเป็นวิญญาณของทหารทั้ง 5 มาบอกว่าอยากกลับบ้าน พวกตนทั้งหมดจึงทำพิธีบอกกล่าวทันทีว่าจะช่วยนำเอาทุกคนกลับบ้าน หลังบอกกล่าวทุกอย่างก็สงบ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น